วันพุธที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

นิทาน เรื่อง ชายผู้เปี่ยมไปด้วยศรัทธา

นิทาน
เรื่อง ชายผู้เปี่ยมไปด้วยศรัทธา

*นิทานสำหรับชาวคริสต์*
            กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีชายผู้หนึ่งชื่อ สมาเอล เป็นคนมีฐานะร่ำรวยและเป็นผู้ที่มีความศรัทธาในพระเจ้าอย่างสูง       
            วันหนึ่งซาตาต้องการทดสอบความศรัทธาของสมาเอลที่มีต่อพระเจ้า ซาตานจึงทำให้สมาเอลล้มป่วยด้วยโรคร้ายแต่ทุกๆครั้งสมาเอลก็ยังมีความศรัทธาในพระเจ้าอย่างไม่สั่นคลอนและอยู่ในทางของพระเจ้าทุกครั้งไป
            วันหนึ่งสุรเสียงของพระเจ้าดังลงมาจากสวรรค์ถึงสมาเอลว่า จงรักษาพระบัญญัติและจงแน่วแน่อยู่ในทางของเราต่อไป” ซาตานเมื่อเห็นว่าไม่อาจทำลายศรัทธาของสมาเอลที่มีต่อพระเจ้าได้ซาตานจึงจากสมาเอลไป จากนั้นพระเจ้าจึงทำให้สมาเอลกลายเป็นคนที่มีฐานะร่ำรวยกว่าเดิมเนื่องจากว่าอยู่ในทางและมีความศรัทธาอย่างไม่สั่นคลอนนั้นเอง
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
ความมีศรัทธาอย่างไม่สั่นคลอนและอยู่ในทางของพระองค์ย่อมทำให้ได้รับสี่งดีๆตอบแทน

นิทาน เรื่อง ลูกชาย 2 คน

นิทาน
เรื่อง ลูกชาย 2 คน

            กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีครอบครัวหนึ่งที่มีฐานะร่ำรวย ประกอบด้วยลูกชาย 2 คน คือ คนโต กับ คนเล็ก โดยคนโตเป็นคนที่ใช้เงินประหยัดอดออม คนเล็กมักใช้เงินแบบฟุ่มเฟือย
            วันหนึ่งทางโรงเรียนได้จัดกิจกรรมทัศนศึกษาโดยพานักเรียนไปที่เชียงรายเป็นเวลา 3 วัน 2 คืน ซึ่งต้องมีเงินติดตัวเป็นค่าใช้จ่ายไปด้วย คนโตนำเงินที่ออมไว้ไปเป็นค่าใช้จ่าย ส่วนคนเล็กไม่มีเงินที่จะนำไปเป็นค่าใช้จ่ายเพราะความที่ไม่รู้จักอดออม ตนจึงไปขอเงินพ่อแม่แต่ก็ถูกปฏิเสธ
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
ความไม่รู้จักประหยัดอดออม ย่อมทำให้ไม่มีเงินใช้เมื่อถึงคราวจำเป็น

นิทาน เรื่อง สุนัขจอมตะกะ

นิทาน
เรื่อง สุนัขจอมตะกะ

            กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเศรษฐีคนหนึ่งที่มีฐานะร่ำรวยได้เลี้ยงสุนัขไว้ตัวหนึ่งซึ่งเป็นสุนัขจอมตะกะแต่ละมื้อมันจะบริโภคอาหารคราวละมากๆ เศรษฐีจึงมักซื้อเนื้อวัวปอนด์ใหญ่ครั้งละหลายๆปอนด์เพื่อนำมาเป็นอาหารแก่สุนัขของตน
            วันนี้สุนัขที่ตนเลี้ยงไว้ก็ทานอาหารมากผิดปกติประกอบกับอากาศที่ร้อนยิ่งไปทวีความหิวของมันมากขึ้นมันกินอาหารแบบไม่ขาดปากต่อเนื่องตลอดวัน เศรษฐีจึงนำเอาเนื้อวัวที่ตนซื้อไว้มาให้มันกินเป็นอาหารตลอดเวลาในวันนั้น สุดท้ายสุนัขจอมตะกะก็ท้องแตกตายในที่สุดเพราะการที่ทานอาหารในปริมาณมากเกินควร
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
ความไม่รู้จักพอประมาณเป็นสาเหตุนำมาซึ่งความหายนะ

นิทาน เรื่อง สิงโตกับเสือ

นิทาน
เรื่อง สิงโตกับเสือ

            กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว สิงโตกับเสือมักจะชิงความเป็นเจ้าป่ากันอยู่เสมอ เสือไม่พอใจที่สิงโตถูกเลือกเป็นเจ้าป่า
วันหนึ่งสิงโตไปท้าสู้กับเสือเพื่อต้องการพิสูจน์ความเป็นเจ้าป่าให้เสือได้เห็น โดยยื่นข้อเสนอว่า หากฝ่ายใดชนะฝ่ายนั้นก็ได้เป็นเจ้าป่าไปเสือตอบตกลง ทั้ง 2 ฝ่ายจึงเข้าต่อสู้ห้ำหั่นกันอย่างดุเดือด สุดท้ายทั้ง 2 ฝ่ายจึงอ่อนแรงลงพร้อมกับบาดเจ็บทั้งคู่และทั้งคู่ก็เสียชีวิตลงเพราะทนความเจ็บปวดจากบาดแผลไม่ไหว
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
การใช้กำลังตัดสินปัญหาย่อมไม่เกิดผลดีต่อฝ่ายใด มีแต่จะทำให้เกิดผลเสียต่อทั้ง 2 ฝ่าย

นิทาน เรื่อง หมาป่าสีดำ

นิทาน
เรื่อง หมาป่าสีดำ

            กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีหมาป่าตัวหนึ่งที่มีขนสีดำที่มักจะถูกหมาป่าตัวอื่นในฝูงล้อเลียนเป็นประจำว่า หมานอกคอก เนื่องจากหมาป่าตัวอื่นทุกตัวต่างมีขนสีขาวกันหมด
หมาป่าสีดำหาได้ยอมแพ้กับสิ่งที่ได้ถูกกำหนดให้เกิดมาไม่ถึงแม้ว่าตนจะมีขนเป็นสีดำ แต่กลับคิดหาทางที่จะทำให้หมาป่าตัวอื่นเห็นคุณค่าของตนว่า สิ่งมีค่ามาจากการกระทำหาได้มาจากรูปลักษณ์ภายนอกไม่
วันหนึ่งตนเห็นหมาป่าตัว 2 ตัวในฝูงลงไปเล่นน้ำที่ลำธารแม่น้ำและเห็นจระเข้ที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้นกำลังจะเข้าโจมตี หมาป่าในฝูงต่างพากันตกใจกลัวแต่ก็ไม่กล้าที่จะช่วย หมาป่าสีดำจึงแสดงความกล้าโดยกระโดดลงไปช่วยหมาป่าตัว 2 ตัวนั้นด้วยฝีเท้าอันรวดเร็ว สุดท้ายตนก็สามารถช่วยเอาไว้ได้ทัน หมาป่าทั้งฝูงแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ทุกตัวต่างพากันขอบใจและชื่นชมในความกล้าของหมาป่าสีดำ ตั้งแต่นั้นมาหมาป่าสีดำก็ไม่เคยถูกล้อเลียนว่าหมานอกคอกอีกเลย และยังถูกตั้งให้เป็นจ่าฝูงอีกด้วย
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
ค่าของคนมาจากการกระทำไม่ได้มาจากรูปลักษณ์ภายนอก
ความกล้าหาญย่อมนำความสำเร็จมาให้ผู้กระทำเสมอ

นิทาน เรื่อง ชายขี่ม้า 2 คน

นิทาน
เรื่อง ชายขี่ม้า 2 คน

            ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีชาย 2 คน คนแรกชื่อเดวิด คนที่สองชื่อไมเคิล เดวิดกับไมเคิลชอบขี่ม้าเป็นชีวิตจิตใจ
           วันหนึ่งเดวิดชวนไมเคิลไปขี่ม้าที่หุบเขานอกหมู่บ้านซึ่งบริเวณนั้นเต็มไปด้วยโขดหิน ไมเคิลบอกเดวิดว่า บริเวณนั้นมีแต่โขดหินถ้าไปขี่ม้าที่นั้นอาจเกิดอุบัติเหตุได้ เดวิดไม่สนใจในคำเตือนของไมเคิลแต่กลับขี่ม้าในบริเวณนั้นด้วยความสนุก ส่วนไมเคิลนึกถึงความปลอดภัยจึงขี่ม้าในบริเวณสนามหญ้าอีกฝากที่ไม่มีโขดหิน
            ขณะที่เดวิดกำลังขี่ม้าด้วยความสนุกม้าของเดวิดก็วิ่งไปสะดุดกับก้อนหินเข้า เดวิดจึงผลัดตกจากหลังม้าและได้รับบาดเจ็บเดวิดร้องอุทานออกมาด้วยความเจ็บปวด
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
ความประมาณย่อมนำความเดือดร้อนมาสู่ตนเอง

นิทาน เรื่อง ชาวนากับนกพิราบ

นิทาน
เรื่อง ชาวนากับนกพิราบ

            กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีชาวนาคนหนึ่งนำข้าวสารมาตากแดดไว้นอกบ้านในตอนเช้าเวลาสาย แต่ทุกครั้งที่นำข้าวสารมาตากแดดจะมีฝูงนกพิราบบินมาจิกกินทุกครั้งจนชาวนาทนไม่ไหว
            วันหนึ่งชาวนาจึงดักจับนกพิราบโดยเตรียมตาข่ายแล้วเข้าไปดักรอในบ้านบริเวณหน้าต่างจุดที่ตนตากข้าวสารไว้พอดี เมื่อฝูงนกพิราบบินมาถึงก็พากันจิกกินข้าวสารของชาวนา ชาวนาจึงโยนตาข่ายที่เตรียมไว้ใส่ฝูงนกพิราบฝูงนกพิราบจึงติดอยู่ในตาข่าย ชาวนาจึงนำเอาฝูงนกพิราบไปทิ้งไว้ทางทิศตะวันออกเพื่อหวังจะให้ความร้อนแสงอาทิตย์แผดเผาฝูงนกพิราบให้ตายไป
            ฝูงนกพิราบตกใจกลัวแบบสุดขีดและร้อนทรมานจากแสงอาทิตย์ จ่าฝูงนกพิราบหายอมแพ้ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่พร้อมกับพูดให้กำลังใจนกพิราบตัวอื่น ฝูงนกพิราบจึงแก้ปัญหาโดยใช้ลำคอยกหัวมุมตาข่ายขึ้นเพื่อให้เกิดเป็นช่วงว่างแล้วให้นกพิราบตัวอื่นที่ติดอยู่ในตาข่ายบินออกไป ฝูงนกพิราบทำผลัดเวียนกันไปเรื่อยๆจนนกพิราบทุกตัวที่ติดอยู่ในตาข่ายบินออกจนหมด ทุกตัวต่างพากันดีใจที่หลุดออกมาจากตาข่ายได้ ฝูงนกพิราบจึงบินกลับไปยังถิ่นฐานของตนและก็ไม่กล้าบินมาจิกกินข้าวสารของชาวนาอีกเลย
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
ความสามัคคี ย่อมทำให้สามารถผ่านพ้นปัญหาที่ตนกำลังเผชิญอยู่ได้
เมื่อเราเคยได้รับบทลงโทษอะไรเราก็ไม่ควรกลับไปทำสิ่งนั้นซ้ำอีก


           


นิทาน เรื่อง โทษของการไม่รู้จักแบ่งปัน

นิทาน
เรื่อง โทษของการไม่รู้จักแบ่งปัน

            กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีนักศึกษามหาวิทยาลัยระดับปริญญาตรีคนหนึ่งชื่อ จอห์น ที่เกิดอยู่ในตระกูลคนที่มีฐานะร่ำรวย พ่อเป็นนักธุรกิจ แม่เป็นอาจารย์สอนมหาวิทยาลัยชื่อดัง จอห์นเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบช่วยเหลือผู้อื่นเวลาที่มีใครมาขอความช่วยเหลือจากตน
            วันหนึ่งจอห์นไปมหาวิทยาลัยตามปกติแต่จอห์นได้ลืมเอากระเป๋าสตางค์มาจากบ้าน เมื่อถึงเวลาพักเที่ยงจอห์นจึงไม่มีเงินซื้ออาหารเที่ยงรับประทาน จอห์นได้ไปขอยืมเงินเพื่อนและพยายามแก้ปัญหาทุกทางแต่ก็ถูกคนที่ตนขอความช่วยเหลือปฏิเสธหมด เพราะด้วยความที่มีนิสัยไม่เคยช่วยเหลือใคร เวลานี้จอห์นทั้งหิวทั้งเครียด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ดังนั้นจอห์นจึงต้องอดทานอาหารมื้อเที่ยงไป
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
การที่มีนิสัยไม่ชอบช่วยเหลือผู้อื่น เมื่อถึงคราวก็เราไปขอความช่วยเหลือผู้อื่นก็จะไม่มีใครช่วยเราเช่นกัน




นิทาน เรื่อง แกะขาวกับแกะดำ

นิทาน
เรื่อง แกะขาวกับแกะดำ

            กาลครั้งหนึ่งนานแล้ว มีแกะฝูงหนึ่งแกะทุกตัวในฝูงนี้ล้วนมีขนเป็นสีขาวทุกตัว มีแกะตัวหนึ่งในฝูงที่มีขนเป็นสีดำไม่ได้เป็นสีขาวเช่นแกะตัวอื่น แกะดำรู้สึกน้อยใจที่ตนเกิดมามีขนสีดำ แกะดำจึงขอพรจากดวงอาทิตย์ด้วยความระทมว่า ขอให้ตนมีขนเป็นสีขาวเช่นแกะตัวอื่น ดวงอาทิตย์รู้สึกสงสารจึงใช้ความสว่างย้อมขนของแกะดำให้เป็นสีขาวเช่นแกะตัวอื่น
            เมื่อตะวันตกดินขนของแกะดำก็เริ่มมีสีเข้มขึ้นเรื่อยๆจนกลับมาเป็นสีดำเช่นเดิม แกะดำรู้สึกเสียใจและผิดหวังที่ความสว่างจากดวงอาทิตย์ไม่สามารถทำให้ขนของตนเป็นสีขาวได้ตลอดไป
            วันหนึ่งเหล่าฝูงแกะพากันไปเล่นน้ำที่ลำธารแม่น้ำ มีแกะตัวหนึ่งผลัดตกลงไปในลำธารแม่น้ำ แกะในฝูงต่างพากันตกใจแต่ก็ไม่มีแกะตัวใดกล้าที่จะช่วย เมื่อแกะดำเห็นจึงรวบรวมความกล้าพร้อมกับกระโดดลงไปช่วยแกะที่กำลังจมน้ำ สุดท้ายแกะดำก็สามารถช่วยไว้ได้ทัน แกะในฝูงพากันขอบใจและชื่นชมในความกล้าของแกะดำ แกะดำจึงถูกเลือกให้เป็นจ่าฝูง นับแต่นั้นมาแกะดำก็ไม่เคยน้อยใจที่ตนมีขนเป็นสีดำอีกเลย
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
ค่าของคนอยู่มาจากการะทำ ไม่ได้มาจากรูปร่างหน้าตา สีผิว สีขน
จงพอใจและมีความสุขในสิ่งที่ตนเป็นอยู่

นิทาน เรื่อง ราชสีห์กับหมี

นิทาน
เรื่อง ราชสีห์กับหมี

            กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีราชสีห์กับหมีที่มักจะทะเลาะกันเรื่องของเขตแดนบริเวณลำธารแม่น้ำซึ่งเป็นเขตแดนที่กั้นระหว่างเขตของราชสีห์ทางเหนือและเขตของหมีทางใต้ เนื่องจากว่าเป็นเขตแดนที่อุดมไปด้วย กุ้ง หอย ปู ปลา เหมาะจะเป็นแหล่งอาหารของนักล่าเนื้ออย่างราชสีห์กับหมี
            อยู่มาวันหนึ่งราชสีห์ได้เดินเข้าไปหาอาหารที่ลำธารแม่น้ำ หมีเห็นราชสีห์ที่กำลังหาอาหารก็ไม่พอใจจึงขับไล่ราชสีห์ออกไปราชสีห์ก็ไม่พอใจหมีเช่นกัน ราชสีห์จึงท้าสู้กับหมีโดยยื่นข้อเสนอว่า ถ้าฝ่ายใดแพ้อีกฝ่ายก็ต้องยกเขตแดนลำธารแม่น้ำให้อีกฝ่ายหนึ่งไป หมีรับคำท้าตอบตกลงจากนั้นทั้งคู่จึงเข้าห้ำหั่นกันอย่างดุเดือด
            การต่อสู้ก็ดำเนินผ่านไปทั้งคู่ต่อสู้กันได้อย่างสูสีสุดท้ายทั้งคู่ก็อ่อนแรงลง ทั้ง 2 ฝ่ายชื่นชมในพละกำลังระหว่างกันจนถูกอกถูกใจกันและกลายเป็นมิตรกันในที่สุด ทั้งคู่ต่างก็อนุญาตให้เข้ามาหาอาหารที่ลำธารแม่น้ำได้อย่างอิสระโดยที่ไม่ได้เป็นเขตแดนของฝ่ายใด แล้วทั้ง 2 ฝ่ายก็อยู่ร่วมกันแบบมีความสุข
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
การรู้แพ้ รู้ชนะ และการชื่นชมย่อมเปลี่ยนศัตรูให้กลายเป็นมิตร
การทำสิ่งที่ถูกต้องด้วยความอิสระย่อมนำความสุขมาให้ผู้กระทำเสมอ

วันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

นิทาน เรื่อง นายพรานกับหมาป่า

นิทาน
เรื่อง นายพรานกับหมาป่า

            กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีบ้านหลังหนึ่งในป่าแห่งหนึ่งที่มีนายพรานคนหนึ่งอาศัยอยู่ ตกเย็นนายพรานจะออกไปล่าสัตว์ป่าเพื่อนำมาทำเป็นอาหาร
            ตกเย็นมาวันหนึ่งนายพรานได้เข้าไปล่าสัตว์ทางตอนเหนือของป่าซึ่งเป็นเขตที่มีหมาป่าอาศัยอยู่ ขณะที่หมาป่ากำลังหากินเมื่อเห็นนายพรานก็ตกใจกลัว หมาป่าจึงวิ่งหนีนายพรานเมื่อนายพรานเห็นหมาป่ากำลังวิ่งหนีนายพรานจึงใช้ปืนไล่ยิงหมาป่า แต่ในขณะที่นายพรานกำลังวิ่งก็ดันวิ่งตกลงไปในหลุมพลางที่เต็มไปด้วยตาข่ายนายพรานตกใจพร้อมร้องขอความช่วยเหลือ
            หมาป่าร้องบอกนายพรานว่า เราจะช่วยท่านขึ้นจากหลุม แต่ท่านจะต้องไม่ทำอันตรายเรานายพรานตอบตกลง หมาป่าจึงใช้อุ้งมือและแขนดึงนายพรานขึ้นจากหลุมพราง นายพรานดีใจและขอบใจหมาป่า ทั้งคู่คุยกันแบบเป็นมิตรและเป็นกันเอง นายพรานจึงตอบแทนหมาป่าโดยให้ไปอาศัยอยู่บ้านของตน ทั้งคู่อยู่อาศัยแบบช่วยเหลือ แบ่งปันกัน และทั้งสองก็อยู่ด้วยกันแบบมีความสุข
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
ทำดีต่อผู้อื่นยอมได้รับสิ่งดีเป็นการตอบแทน
การช่วยเหลือผู้อื่นย่อมเปลี่ยนจากศัตรูให้กลายเป็นมิตร